คู่รักหลายๆ คู่พยายามที่จะเติมเต็มความสุขซึ่งแก่กันและกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ เช่นเดียวกับเรื่องความสัมพันธ์บนเตียง การทำรักด้วยปาก (Oral Sex) จึงเป็นคำถามที่หลายคนกังขามาโดยตลอดว่าควรทำไหม ทำอย่างไรถึงจะดีที่สุด ขณะที่บางคนก็กังวลกับ “ความปลอดภัย” เรื่องนี้จึงมีแง่มุมที่ต้องทำความเข้าใจกันพอสมควร
ในอดีตมีคนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าการทำรักด้วยปากหรือออรัลเซ็กส์นี้เป็นวิธีที่วิตถาร ซึ่งคนในยุคก่อนหน้านี้อาจจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจ แต่สำหรับในยุคปัจจุบันที่สื่อลามกแพร่หลาย การออรัลเซ็กซ์หรือการทำรักด้วยปากนั้นกลายเป็นขั้นตอนปกติ ซึ่งนักจิตวิทยา เช่น นักวิชาการบางท่านถึงกับได้เคยระบุว่าการทำรักด้วยปากเป็นวิธีการหาความสุขของพวกที่มีสภาพจิตเบี่ยงเบน แต่ในความเป็นจริงของคนในยุคปัจจุบันนั้น มีผู้คนไม่น้อยเรียกร้องต้องการให้คนรักใช้ปากปรนเปรอให้ และกลับกลายมาเป็นเรื่องที่คุ้นเคยของคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งไม่ถือว่าเป็นเรื่องความผิดปกติทางจิต หากแต่คุณทั้งสองตกลงยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย
บางคนคิดผิดไปอีกแบบว่า การทำรักด้วยปากไม่ถือเป็นการมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้น วัยรุ่นหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยจึงกล้าที่จะปรนเปรอความสุขทางเพศให้แก่กันด้วยการออรัลเซ็กส์ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว มันคือการก้าวข้ามเส้นของสัมผัสแห่งรักฉันคนรักกันธรรมดาๆ ไปสู่การมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว แม้ว่าจะไม่มีการสอดใส่ก็ตามที การทำเช่นนี้ให้รู้ว่าเป็นเรื่องที่ยังไม่สมควร ซึ่งในข้อกฎหมายก็เช่นเดียวกัน การบังคับให้ใช้ปากทำรักให้ ถือเป็นการละเมิด มีความผิดถึงขั้นติดคุกได้เช่นกัน
- ข้อดีของออรัลเซ็กซ์
ไม่ทำให้ท้อง และทำให้ฝ่ายหญิงและฝ่ายชายพอใจในเพศรสมากขึ้น ซึ่งมีคนกลุ่มไม่น้อยที่ชอบออรัลเซ็กซ์มากกว่าการมีเซ็กซ์จริงๆ เสียอีก ไม่ต้องสวมถุงยางด้วย
- ข้อเสียของออรัลเซ็กซ์
สามารถติดโรคได้ทุกโรค เนื่องจากการกลืนน้ำหล่อลื่นฝ่ายหญิงหรือน้ำอสุจิของชายที่มีโรค อาจทำให้ติดโรคได้ง่ายขึ้น และโรคที่มีโอกาสติดผ่านการทำรักทางปาก มีดังนี้
- เอชไอวีแม้การทำออรัลเซ็กซ์จะมีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีน้อยกว่าการมีเซ็กซ์ทางทวารหนักและช่องคลอด แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีโอกาสติด โดยเฉพาะถ้าช่องปากของฝ่ายรุกและอวัยวะเพศของฝ่ายรับมีแผล
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีความเชื่อที่ผิดว่าออรัลเซ็กซ์จะไม่ทำให้ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่อันที่จริงคือติดได้ทุกโรค โรคที่ว่ามีดังต่อไปนี้
- หนองในแท้ออรัลเซ็กซ์สามารถติดหนองในแท้ได้ทั้ง 2 ฝ่าย กรณีที่หากอีกฝ่ายมีเชื้อ งานวิจัยในประเทศอังกฤษพบว่า มีหญิงขายบริการมีหนองในแท้ในคอร้อยละ 9
- หนองในเทียมมีงานวิจัยพบหนองในเทียมที่อวัยวะเพศของวัยรุ่นถึงร้อยละ 10 ขณะที่พบหนองในเทียมในลำคอของกลุ่ม LGBTQ ที่ร้อยละ 1
- ซิฟิลิสเป็นแผลริมแข็ง เชื้อซิฟิลิสเข้าทางเยื่อบุต่างๆ ได้ ดังนั้นการสัมผัสทางปากกับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หัวนม ในคนที่มีแผลริมแข็ง มีเชื้อซิฟิลิส ก็สามารถติดเชื้อซิฟิลิสได้
- เริมติดต่อจากการสัมผัสผื่นเริม ดังนั้นจึงติดได้ทั้ง 2 ฝ่าย หากอีกฝ่ายมีเชื้อเริม
- พยาธิโดยเฉพาะพยาธิเส้นด้ายที่ชอบวางไข่รอบๆ ทวารหนัก ซึ่งอาจกระจายมาที่อวัยวะเพศ ดังนั้นผู้ทำออรัลเซ็กซ์จึงอาจกลืนกินไข่พยาธิเส้นด้าย ไปเจริญเติบโตแพร่กระจายในลำไส้ใหญ่และทวารหนักต่อได้
- ไวรัสตับอักเสบเอไวรัสที่ว่าถูกปล่อยออกมาจำนวนมากกับอุจจาระ ทำให้สามารถติดต่อทางออรัลเซ็กซ์ได้
- เชื้อเอชพีวีมีคำเตือนจากประเทศอังกฤษว่า การทำออรัลอาจติดเชื้อเอชพีวี ซึ่งทำให้เกิดหูดหงอนไก่ในหลอดลม ทอนซิล และช่องปาก ก่อให้เกิดมะเร็งในช่องปาก ทอนซิลลิ้นและคอได้อีกด้วย งานตีพิมพ์ในนิตยสารการแพทย์New England Journal ระบุว่า ร้อยละ 50 ของมะเร็งในช่องปากเกี่ยวข้องกับไวรัสเอชพีวี และมาจากการทำออรัลเซ็กซ์ และหากทำออรัลเซ็กซ์ให้คน 5 คนขึ้นไปโดยที่ไม่ป้องกัน มีโอกาสมากกว่าคนทั่วไป 9 เท่าที่จะเกิดมะเร็งทอนซิลและมะเร็งลิ้น
ถึงแม้ว่าความสุขที่เกิดจากการใช้ปากทำรักจะมีรสชาติที่ยั่วยวนเกินห้ามใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ครองคู่ร่วมชีวิตกันแล้ว การนำเทคนิกการสัมผัสสัมพันธ์รักด้วยวิธีการนี้มาใช้ก็ไม่ถือว่ามีความผิดอันใด มิหนำซ้ำยังกลับช่วยมาช่วยปรุงแต่งรักให้เต็มรสขึ้นได้อีกต่างหาก ขอเพียงแต่ต้องดูแลรักษาสุขอนามัยให้ดี และไม่เผลอนอกใจกันจนเกิดเป็นความเสี่ยงต่ออีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นพอ ดังนั้น ออรัลเซ็กส์หรือการทำรักด้วยปากจึงเป็นเทคนิคเพิ่มความสุขสำหรับคู่ชีวิตที่ไม่สำส่อน แต่ในทางกลับกันมันอาจจะเป็นอันตรายและเกิดความเสี่ยงอย่างยิ่ง หากทำออรัลเซ็กส์ให้กับคนอื่นแบบไม่เลือกหน้า!!! // Dr.MDX
ข้อมูลอ้างอิง
- บทความเรื่อง “ปรนเปรอด้วยปาก Oral Sex”
- บทความเรื่อง “การทำรักด้วยปาก (Oral Sex) กับความเสี่ยงที่คุณอาจไม่คาดคิด”